29/11/60

Benefit of being Auditor : ข้อดีของการเป็นผู้สอบบัญชี (CPA) > Part 5


มาต่อกันสำหรับข้อดีที่หาได้จากอาชีพ ผู้สอบบัญชี !
(จากกระทู้ pantip ที่ผมเคยตั้งไว้ แวะดู คอมเมนท์ได้ครับ > https://pantip.com/topic/35809887 )

ข้อนี้สุดท้ายละครับ แต่ไม่ใช่ว่าข้อดีของการเป็น CPA จะมีแค่นี้นะ!



7. โอกาสในการได้มาซึ่ง ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพอันล้ำค่า  CPA License ! ! !

Cr. https://www.shutterstock.com/image-illustration/cpa-certified-public-accountant-word-cloud-575389123?src=Ux7FtAbFxiSfXWwLkKUgDg-2-7



ครับหลายคนอาจงงๆว่า อ้าวออดิทที่เดินดุ่มๆ ตรวจนี่นู่นนั่น ไม่ได้ใบประกอบวิชาชีพนี้กันทุกคนหรอกหรอ ตอบได้เลยว่า ไม่ใช่ครับ ในทีมออดิทแต่ละทีม จะประกอบด้วยผู้ที่ทำหน้าที่เป็นคนรับผิดชอบงานตรวจสอบ หรือใน Big4 ก็จะเป็นพี่พาทเนอร์ในแยกกันไปในแต่ละบริษัทที่ตัวเองรับผิดชอบ ซึ่งแน่นอนว่าระดับพาทเนอร์ ต้องมีใบประกอบวิชาชีพ หรือ CPA นี้แน่นอน(ก็แน่สิครับ เพราะในBig4เหล่านี้ คนที่จรดปากกาเซ็น ก็คือพาทเนอร์ครับ) ส่วนผู้ปฏิบัติงานตามบริษัทลูกค้านั้นๆ ที่เข้าไปฝังตัว อาทิตย์นึงบ้าง เดือนนึงบ้าง จะมีทั้งคนที่มี CPA แล้ว และยังไม่มีครับ(ซึ่งส่วนมากมักจะยังไม่มีนะ)



ใบอนุญาติ CPA นี้กำหนดให้ คนที่จบด้านบัญชีมา ต้องผ่าน "การทดสอบ" จากสภาวิชาชีพบัญชีของไทยครับ ซึ่งล่ำลือ กล่าวขาน อื้ออึง ขนานนามกันว่าโหดมาก โดยจะประกอบไปด้วย 3 วิชาคือ บัญชี, กฏหมาย และการตรวจสอบบัญชีครับ และแต่ละวิชา จะจำแนกย่อยเป็น 1 และ 2 ดังนั้นเบ็ดเสร็จคือ 3 วิชาหลัก 6 ฉบับการสอบครับ (ถ้างงก็เช่น บัญชี จะแตกเป็น บัญชี1 และ บัญชี2 ครับ) ซึ่งออดิทจำเป็นต้องผ่านการสอบทั้ง 6ฉบับนี้ โดยแต่ละฉบับจะมีอายุ 4 ปี ดังนั้น คุณจะต้องทำตัวเหมือนนักวิ่งมาราทอน เมื่อใดที่คุณเริ่มสอบได้ตัวแรก คุณจะต้องอ่านตัวถัดๆไป ในการสอบแต่ละครั้ง เพื่อไม่ให้ ไอ้ตัวแรกที่คุณได้มา มันหมดอายุตายไปสะก่อน (ทางสภาวิชาชีพบัญชี จัดการสอบปีะ 3 ครั้ง) นอกจากการสอบที่ว่านี้แล้ว ยังมีเงื่อนไขอีกอย่างคือ "ต้องทำงานด้านการตรวจสอบ 3ปีหรือ 3,000ชั่วโมง" โอวแม่เจ้า ดังนั้นการที่จะได้มาซึ่ง CPA License คุณต้องจมปลัก ไม่สิต้องเรียกว่า อยู่ท่ามกลาง การทำงานการตรวจสอบอย่างเบาะๆก็ต้อง 3 ปีครับ เพราะมันเป็นข้อกำหนด นั่นเอง
ปล.ที่จริงแล้วออดิทที่ยังใสๆหรือทำงานไม่ถึง 3 ปี ทางสภาวิชาชีพบัญชี จะเรียกกลุ่มนี้ว่า "ผู้รับการฝึกงาน" ครับ (บอกเฉยๆเป็นความรู้มั้งนะ)



แต่ถามว่า 3 ปีมันนานไปป่าวกว่าจะได้มา (สมมุติว่าคุณสอบผ่านเร็วกว่า 3 ปี) ก็ต้องตอบว่าไม่นานหรอกครับ เพราะ 3 ปีแรกของชีวิตออดิทอย่างที่บอกคุณจะได้เรียนรู้ ได้รับหน้าที่การตรวจสอบ ครบวงจร เกิด แก่ เจ็บ ตาย ของธุรกิจและมันก็มีน้อยคนมากๆ ที่มักจะสอบผ่านทั้ง 6 ฉบับภายใน 3 ปี (แต่เคยเห็นสอบผ่านหมด ภายในปีหรือสองปีแรกก็มีนะครับ) และทางสภาวิชาชีพบัญชี คงเล็งเห็นแหละครับว่าสามปีนี่คือ เบาะๆสุดแแล้วที่จะทำให้ผู้ตรวจสอบทุกท่าน มีความรู้ ความชำนาญที่เพียงพอ ต่อหน้าที่ในการตรวจสอบครับ ดังนั้นแล้วออดิททั้งหลายที่อยู่ในสายงานนี้ก็พยายามที่จะสอบ พยายามที่จะเอาเวลาหลังเลิกงานที่มีอยู่น้อยนิดมาอ่านหนังสือ ซึ่งขอบอกเลยครับว่า ไม่ง่ายแต่ไม่ยาก และคู๋ต่อสู้สำคัญที่สุดของ เกมส์นี้ ไม่ใช่เพียงความหินของข้อสอบ แต่เป็น จิตใจคุณเองนั่นแหละครับที่เป็นคู่ต่อสู้ตัวดี(ก็เราต้องบังคับตัวเองนิเนอะ) เหมือนกับคำกล่าว อ่อนแอก็แพ้ไป ถ้าเอาไหวก็ ...CPA



และคำถามต่อมา อ้าวถ้าได้มาแล้วซึ่ง CPA License + ทำงานในสายงานครบเงื่อนไขแล้ว ผลดีคืออะไร
อันดับแรก แว้บเข้ามาในหัว ออดิทจะสามารถรับรองงบการเงินนั้นๆได้ด้วย ลายเซ็นคุณเอง มันไม่ได้หมายถึงคุณเซ็นกริ๊กๆแล้วจบ แต่แน่นอนคุณจะต้องรับผิดชอบต่องานตรวจสอบ ,ทำงานตามมาตรฐานหรือประกาศนู่นนี่นั่น ให้เหมาะสม ซึ่งในกลุ่ม Big4นั้น กลุ่มพาทเนอร์ทั้งหลายจะเป็นคนเซ็นดังกล่าวนี้ ครับ เท่ปะละ



อันดับสอง CPA สามตัวนี้ จะกลายเป็นพยางค์เท่ๆ ต่อท้ายชื่อคุณไปตลอดชีวิต (หรือจนกว่าคุณไปทำอะไร ไม่ดีเข้าจนถูกเพิกถอน) และใช่แน่นอนว่า เหล่า CPA สามารถพิมพ์สาวตัวอักษรนี้ต่อชื่อคุณในนามบัตร, ท้ายอีเมลล์ หรือในทุกๆที่ที่มีชื่อคุณไปโผล่ โคตรเท่เลยเนอะ นึกดูสิครับผมยื่นนามบัตรให้ครูอนุบาล ระหว่างทางเดินไปหาลูกที่โรงเรียนแล้วมีคำว่า CPA ต่อท้าย ...คุณครูยิ้มปริ และคงมีความคิดว่าคุณนี่เจ๋งจริงๆสำหรับ Certified Papa Accountant ..ไม่ใช่ว้อย



อันดับสาม เพิ่มดีกรีให้การทำงานในตัวคุณ ในมิติ Mobility & Career Prospect ซึงผมมองว่าการได้มาซึ่ง CPA จะทำให้คุณมีดีกรีในการทำงานที่เป็นที่ยอมรับเลยล่ะ เพราะมันเหมือนกับการที่ถ้าเรามีความสามารถ แต่เราไม่มีอะไรมาพิสูจน์ คนที่ไม่รู้จักคุณที่ไหนจะมาเชื่อ (อันนี้ผมพูดตามเบสิคสุดๆ สามาัญชนทั่วไปนะ) และพอคุณได้มาซึ่ง CPA มันก็อารมณ์ว่า การันตี ความสามารถระดับหนึ่งและมานะ วิระยะ ของออดิทคนนั้นๆ ว่าเจ๋งระดับนึงเลย และที่สำคัญคุณสามารถโยกย้ายงาน หรือเลือกสมัครงานที่ใหม่ๆได้ โดยสามารถถูกเรียกสัมภาษณ์ รวดเร็วกว่า ผู้สมัครระดับเดียวกันที่ไม่มี CPA นะ (ผมถามมาจาก HR นะ ไม่ได้คิดเอง) และงานที่ว่ามันไม่ใช่แค่ในประเทศ เพราะทุกประเทศบนโลกที่มีภาคธุรกิจที่สตรอง  ฝรั่งเหล่านั้นรู้จัก CPA แน่นอนครับ เพราะบ้านเค้าก็มีเหมือนกันน่ะสิ! (CPA จะทำงานข้ามประเทศไม่ได้นะครับ เพราะเราใช้มาตรฐานต่างกัน และในบางประเทศเช่น อเมริกา CPA จะแบ่งแยกตาม รัฐ ครับ แต่คนไทยสามารถไปสอบเพื่อเป็นCPA ในหลายๆประเทศได้ เช่น อเมริกา ออสเตรเลีย บอกไว้เผื่ออยากรู้วว วู้วว วู้วว)



อันดับสี่ รายได้ที่ค่อนข้างดี! จากข้อบนๆได้กล่าวไปแล้วถึงรายได้ที่สวยงามของเหล่า พาทเนอร์ แต่อย่างไรก็ตามความจริงแล้วมีคนเพียงหยิบมือครับที่จะ อดทน และมีความสามารถที่จะดำรงชีวิตอยู่ใน Big4 ได้จนถึงระดับนั้น แต่ยังไงก็นะ ในตำแหน่งรองๆลงมาก็ยังถือว่า เป็นอาชีพที่มีอัตราการ จ่ายตังค์ที่สูงงง เพราะออดิทเพิ่มเงินเดือนกันที เรียกได้ว่าเพื่อนคุณอิจฉาแน่นอน หรือถ้าคุณลาออกมาตั้งบริษัทรับตรวจสอบบัญชีเอง คุณจะกลายเป็นพาทเนอร์ด้วยตัวคุณเอง อย่างทันท่วงที แล้วรายได้ค่าตรวจสอบจะไปไหนได้ล่ะครับ แหม่



อันดับห้า สุดท้ายละนะ คุณจะได้มาซึ่งความน่าเชื่อถือ (A Position of TRUST) ซึ่งมันก็แน่นอนเพราะงานออดิท ต้องรับรองงบการเงิน รวมถึงข้อมูลต่างๆที่ลูกค้าจัดทำขึ้น ว่ามันโอเค หรือมีอะไรที่จะต้องบอกกล่าวผู้ใช้ข้อมูลนั้นหรือไม่ งานการตรวจสอบนี้จะไม่เพียงแต่แค่งบการเงินนะครับ Big4 บางที่เรียกงานออดิทนี้ว่า Assurance ซึ่งคือการให้ความเชื่อมั่น เห็นมั้ยครับว่ามันกว้างกว่าแค่การตรวจงบการเงิน ตัวอย่างน่ะหรอเช่น ปีที่แล้วกรุงเทพเรามีการจัดงานปั่นจักรยาน คุ้นๆมั้ยครับ บริษัทเหล่านี้ก็ได้รับการว่าจ้างประมาณว่า เออยูวๆ มาช่วยไอคอนเฟิมหน่อยว่า ไอนับจำนวนคนมาปั่นจักรยานถูกต้องป่าว เดี๋ยวไอจะเอาไปลงกินเนสบุ๊ค อะไรประมาณนี้ นั่นแหละครับ ถึงบอกว่า CPAจะทำให้ข้อมูลต่างๆ ดูสตรองขึ้นมาและส่งผลไปยัง CPA เหล่านั้นให้มีภาพลักษณ์ที่ เวรี่เรสเปค นั่นเอง





นั่นแหละครับทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมา จะเป็นภาพในแง่ สว่าง ของการทำงานออดิท ที่ผมอยากนำมาแชร์ว่ามันไม่ได้แย่ไปกว่าด้าน ดาร์คๆ ที่หลายๆคนชอบโพสต์ในเฟซบุ๊ค หรือเพื่อนคุณชอบมาบ่นให้ฟังว่ามันทรหดแค่ไหน งานนี้ถือเป็นงานวิชาชีพซึ่งไม่ใช่ใครไหนมานั่งแล้วทำเป็นนะครับ นอกจากเรามีมาตรฐานที่เป็นตัวบทกฏหมายให้เดินตาม สิ่งสำคัญของวิชาชีพนี้คือ จรรยาบรรณ ที่ออดิททุกคนจะตอกหมุดฝังลงไปในใจ เช่นการรักษาความลับของลูกค้า, การรับผิดชอบต่องานให้เสร็จแม้จะลำบากหรือ การอัพเดทความรู้เชิงวิชาการให้ใหม่ตลอดเว เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ด้านดาร์ค ๆ ในการเป็น ออดิทหรือCPA มันก็มีครับ และผมเชื่ออย่าง"สมเหตุสมผล" (ศัพท์ที่ชาวออดิทใช้กัน) ว่าความดาร์คมันมีในทุกอาชีพ ทุกๆระดับงานไม่ว่าจะพนักงานปกติ หรือผู้บริหารชั้นฟ้า แต่สิ่งที่ จะพยุง ดึงรั้ง ให้เราเดินต่อในสายงานเราได้อย่างมีประสิทธิภาพเนี่ย อันดับแรกคุณต้อง ..ศรัทธา.. ในงานคุณก่อนครับ(ตัวผมนะ คนอื่นไม่รู้เป็นไง) เพราะพอคุณศรัทธาแล้ว ไม่ว่าจะดาร์คแค่ไหน ปัญหามะรุมมะตุ้มขนาดไหน เราจะเอาตัวรอดได้ และ Solution มาจะตามมาเสมอๆ



ขอบคุณมากเหลือเกินครับที่ติดตามอ่าน
และขอบคุณเพื่อนร่วมวิชาชีพหลายท่านที่สร้างคอมเมนท์ ที่ผมว่ามีประโยชน์มากกว่าบทความก๊งๆของผมซะอีก
รวมถึงอินบอคซ์เข้ามาเยอะมากกว่าที่คาด จากทั้งนิสิต คนที่สนใจ ขอบคุณมากครับแล้วจะตอบให้อย่างเร็วฝุดๆ
สงสัยหรืออยากให้แนะนำอะไรเม้ท์หรืออินบอคซ์ได้นะครับ จะตอบด้วยความเต็มใจครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น