24/11/60

Benefit of being Auditor : ข้อดีของการเป็นผู้สอบบัญชี (CPA) > Part 2

โอเคครับ มาต่อกันเลยดีกว่า จาก Blog ก่อนหน้า >





3. การก้าวกระโดดในหน้าที่การงาน โดยเฉพาะด้านบัญชีและการเงิน : FAST TRACK !

Cr pic. https://www.solarwindsmsp.com/blog/looking-fast-track-career-think-cloud



ใช่ครับตามที่เพื่อนๆบางคอมเมนท์ ตอบเกี่ยวกับการก้าวกระโดดในหน้าที่การงาน (และการเงิน) ของออดิทนั้น มักจะรวดเร็ว และ Fast Track แซงโค้งเร็วกว่า เพื่อนๆพนักงานในระดับเดียวกันแต่คนละหน้าที่ โดยเฉพาะตำแหน่ง บัญชี และการเงินของบริษัท



ทำไมน่ะหรอครับ ผมขอยกตัวอย่างฝ่ายบัญชีและการเงินที่ชาว ออดิท มักจะไปฝังตัวเมื่อถึงเวลาตรวจสอบ อิอิ คุณๆเพื่อนๆลองนึกภาพดูนะครับ เมื่อเด็กจบใหม่ๆ ที่เข้าทำงานออดิท มักจะได้รับงานตรวจสอบบัญชีที่ ความเสี่ยงต่ำ และวิธีการตรวจสอบไม่ยุ่งยาก และ New Grad เหล่านั้นสามารถเข้าใจได้ง่าย เช่น เงินสด, รายจ่าย หรือ ที่ดินอาคาร  เป็นต้น สังเกตุมั้ยครับว่า แต่ละรายการคุณน่าจะพอ เดาๆแนวการตรวจสอบได้(ก็มันเกี่ยวกับบุคคลที่สามไง บริษัทเลยหลอกลวงได้ยากหน่อย) เช่น เงินสด เราก็ดูเงินที่บริษัทเราลงบัญชี กับตัวเลขในแบงค์ หรือ รายจ่ายทั่วๆไป มันก็ต้องเกี่ยวกับ คนอื่น (พ่อค้า) ก็ตรวจโดยดูบิลส่งของ หรือใบแจ้งหนี้ (เบื้องต้นนะครับ)  ดังนั้นเด็กใหม่เหล่านี้จะใช้เวลา 1 ปีแรกกับการตรวจอะไรก็ตามที่มักจะ เหมือนๆกัน ในทุกๆกิจการ หรือสิ่งที่มันยังไม่ใช่ Core Business นั่นเอง ในขณะเดียวกันพนักงานที่รับผิดชอบในหน้าที่บางอย่างเช่น ถือเงินสดย่อยไว้รับจ่าย, บันทึกบัญชีเวลาเจ้าหนี้มาวางบิล ก็มักจะเจอกับเหตุการณ์นั้นๆตลอดครับ (แต่ข้อดีก็เยอะครับ อ่านต่อไปก่อนนะจ้ะ)



พอมาปีต่อๆมา (ขอรวบยอดนะครับ) ออดิทจะได้สัมผัสการตรวจสอบกับส่วนที่เป็น Key Stream ของธุรกิจ เช่น ตรวจรายการรายได้ (ก็แหงล่ะครับ แต่ละที่ก็บันทึกรายได้คนละเวลา เช่น ขายข้าว, สร้างคอนโด, เมมเบอร์ฟิตเนส, ปล่อยกู้...) หรือ ล้ำๆก็เช่นตรวจสอบมูลค่าของหุ้นที่พวกโบรคเกอร์เอามาคิดค่านายหน้า ว่าโอเคไหม นี่แค่บางส่วนนะครับ ที่เราๆเพื่อนๆพอจะมองแยกออกจาก ธุรกิจทั่วๆไป ได้อย่างชัดเจน



แต่มันยังไม่หยุดแค่นี้ครับ มันยังมีส่วนอื่นของธุรกิจที่ ออดิท ต้องไปทัช และไป รบกวน และจำเป็นต้องใช้ ป ร ะ ส บ ก า ร ณ์ มากขึ้น ดังนั้นเมื่อโตๆขึ้นแล้วทักษะ ทางด้านการตรวจสอบ จึงจำเป็นต้องอิงหลัก ดุลยพินิจ สูงมากๆ สูงจริงๆ ซึ่งตำแหน่งที่จะพิจารณาสิ่งต่างๆเหล่านี้มักเป็น ออดิทที่ทำงานมามากกว่า 5ปี แล้วหรือ ระดับ เมเนเจอร์ ครับ ส่วนดุลยพินิจที่ผมกล่าวถึงเนี่ย ก็อย่างเช่น บริษัท A ไปซื้อบริษัท B แต่บังเอิญ ซื้อไม่หมด ซื้อมาได้แค่30% ของหุ้นใน B ทั้งหมด อ้าว อ้าว อ้าว แล้วสองบริษัทนี้ต้องนำมาทำ งบการเงินรวม หรือไม่ อันนี้ทางฝ่ายเมเนเจอร์ ขึ้นไปก็มักจะรับผิดชอบในการคิดว่า ไอ้การซื้อขายกิจการแบบนี้เนี่ย เข้าข่ายการ รวมธุรกิจมั้ย แล้วถ้ารวมกันแล้ว ได้ลูกออกมาหน้าตาอย่างไร (บริษัทแม่/ กิจการร่วมค้า/ หรือถือหุ้นเอาไว้เก็งกำไรเฉ้ยเฉย ) อ้าว อ้าว อ้าว ทำไมต้องคิดน่ะหรอครับ ก็เพราะแต่ละรูปแบบ กิจการต้องลงบัญชี รวมถึงทำงบต่างกันน่ะสิครับ



หลายคนคงเริ่มสำลัก และสะอึกว่า อะไรของมันวะ ก็ไม่เป็นไรครับ เอาเป็นว่าจากข้างต้น คงจะพอเห็นภาพของเหล่า ออดิท มากขึ้นนะครับว่า การที่เราทำหน้าที่ออดิทนั้น จะสามารถสัมผัสได้ทุกวงจรของธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น รายจ่าย, รายรับ, การเพิ่มทุน, การขยายกิจการ, การออกหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ หรือแม้แต่ การปิดกิจการต้องลงบัญชีอย่างไร ภายในระยะเวลาอันสั้น ซึ่งผมมองว่าประมาณ 5 ปีแรกของการทำงานออดิทจะได้สัมผัสแทบครบเลยครับ ซึ่งถ้าเทียบกับเพื่อนพนักงานบัญชีขององกรณ์ จะมีหน้าที่ที่เฉพาะเป็นของตัวเอง เช่น คุณ A ทำหน้าที่บันทึกจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ ก็จะบันทึกจ่ายเงินให้เจ้าหนี้ตลอด หรือน้องB ทำหน้าที่บันทึกรายได้ ก็จะบันทึกรายได้เป็นประจำ ซึ่งแน่นอนว่าออดิทจะสามารถมองภาพรวมและสามารถ Manage ทั้งแผนกได้ (ถ้ากลายร่างจากออดิทเป็นพนักงานบริษัทนั้น) อย่างไรก็ตามพนักงานบัญชีในบริษัท จะมีความ Specialist มากกว่า ออดิทครับ เพราะแม้จะเผชิญกับการ จ่ายหนี้ แบบเดิมทุกวัน แต่คุณสามารถเจอกับรายละเอียดของงานนั้นๆ เช่น บริษัทซื้อของจากเมืองนอกวันนี้ (ก็มีเจ้าหนี้) แต่จ่ายเงินเดือนหน้า (เจ้าหนี้ก็หาย) แต่! เราจะใช้ เรทแลกเปลี่ยน ไหนมาบันทึกล่ะครับ ก็ในเมื่อมีหลายวันมาเกี่ยวข้อง และถ้าเกิดผลต่างตอนมีเจ้าหนี้ กับตอนจ่ายหนี้ อ้าว อ้าว อ้าว งงเต้ก จะเอาผลต่างไปยัดไว้ในไหน (เชื่อสิ ออดิทบางคนก็ไม่รู้)


เห็นมั้ยครับว่าออดิท สามารถใช้เวลาไม่นานในการ วนเวียน ครบรอบธุรกิจและมันก็เลยทำให้ ง่ายต่อการ เรียนรู้เมื่อก้าวจากออดิทเข้าสู่บริษัทต่างๆ และออดิทมักจะได้ Fast Track ก้าวสู่การเป็น ระดับผู้จัดการ หรือ ระดับบริหารที่ค่อนข้างเร็วกว่าหลายๆตำแหน่งในเวลาเท่ากัน (ผมพูดในภาพรวมส่วนมากนะครับ เพราะมีเพื่อนหลายคนที่ไม่ใช่ออดิทที่โดดเด่นและโตเร็วกว่า ก็เกิดขึ้นได้ครับ) และผลคือบริษัทต้องการออดิทมานั่งอยู่ในตำแหน่งที่กล่าวมานี้ไงครับ ดังนั้นเราจึงมักเห็นออดิทที่ถูกดึงตัว ดึงดูด ลากมา หรือถูกเล่นของจาก บริษัทลูกค้าที่ออดิทนั้นเคยเข้าตรวจ ให้เข้ามาเป็นพนักงานบริษัทนั้นๆแทน  (ก็มันไม่ต้องสอนแล้วไงเล่า !) ด้วยเงินเดือนที่น่าพอใจ เพราะถ้าไม่ คงดูดไม่ไปแน่ๆ จริงมั้ยครับ  ^^








ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น